logoของเว็บครับ

วันพุธที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

~Dragon Quest Reminiscence ~ part IV

~ Part IV ~
 

เมื่ออดีตกาลนานมาแล้ว ราชานรก นาม เอสตาร์ค ได้ค้นพบศาสตร์ต้องห้ามที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ซึ่งเรียกขานกันว่า "เวทย์ลับแห่งวิวัฒนาการ" (The Secret of Evolution) และได้ใช้พลังเหนือจินตนาการนั้น ทำลายกฎเกณฑ์แห่งธรรมชาติจนสะบั้น พัฒนาร่างกายของตัวเอง จนแทบจะก้าวไปสู่ความเป็น "สุดยอดสิ่งมีชีวิต" ที่อยู่ปลายทางแห่งสายวิวัฒนาการ !
เอสตาร์คครอบครองพลังที่เกินสามัญสำนึก แต่ก่อนที่มันจะก้าวไปสู่ร่างขั้นสุดท้าย...ชนเผ่าศักดิ์สิทธิ์จากฟากฟ้า "ชาวนภา" (Zenithia) ก็ได้ผนึกเอสตาร์คไว้ยังโลกใต้พิภพได้สำเร็จ
และเวลากว่า 300 ปีก็ล่วงเลยไป...
----------
Chapter 1
ในดินแดนแห่งเบอร์แลนด์ ประชาชนกำลังเดือดร้อนกันอย่างมาก กับเหตุการณ์สะพรึงขวัญ ที่เหล่าเด็กน้อยในหมู่บ้านได้'หายสาบสูญ'ไปอย่างลึกลับ...แรกนาร์ ทหารหาญในสังกัดแห่งพระราชาเบอร์แลนด์ ได้ติดตามสืบคดีลึกลับนี้อย่างเป็นจริงเป็นจัง...หลังจากหาทางเข้าไปยังหอคอยลับกลางน้ำเป็นผลสำเร็จแล้ว แรกนาร์ก็ได้พบกับมอนสเตอร์ ตัวการที่ลักพาตัวเหล่าเด็กน้อยมาในที่สุด
แรกนาร์จัดการปีศาจร้ายได้ในพริบตา แต่ก็ได้รับรู้เรื่องราวที่รบกวนจิตใจของเขาเป็นอย่างมาก...เหล่าปีศาจที่ก่อความวุ่นวายมากขึ้นอย่างผิดปกติในระยะนี้ เหตุเพราะ ต่างกำลังดำเนินแผนการใหญ่ที่จะ "ปลุกชีพ"ราชานรกขึ้นมาอีกครั้ง !! ซึ่งหากเอสตาร์ค สุดยอดสิ่งมีชีวิตได้กลับมายังโลกอีก ช่วงเวลาแห่งหายนะก็จะกลับคืนมา และครั้งนี้ จะไม่มีใครสามารถกำจัดสุดยอดสิ่งมีชีวิตตนนี้ได้เลย นอกจาก "ผู้กล้า" ในตำนาน เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น!
----------
แผนการกวาดต้อนเหล่าเด็กน้อยอายุไล่เลี่ย ที่มีความเป็นไปได้ว่าจะเติบโตเป็นผู้กล้าในอนาคตนั้น คงไม่ใช่เป็นเหตุร้ายอันเดียวที่เกิดขึ้น...ชะตากรรมของโลก และของผู้กล้าวัยเยาว์ จะต้องอยู่ในอันตรายอย่างใหญ่หลวงเป็นแน่
คิดได้ดังนั้น แรกนาร์รีบกราบทูลพระราชาอย่างไม่รอช้า ขอออกเดินทางไปยังโลกกว้าง เพื่อค้นหา"ผู้กล้า" ในตำนาน...ความหวังเพียงหนึ่งเดียวของมวลมนุษย์โดยทันที

Chapter 2
ในปราสาทแห่งแซนทีม มีเจ้าหญิงจอมแก่น นามอารีน่า ผู้หลงไหลในวิทยายุทธการต่อสู้ และแสนจะรังเกียจขนบธรรมเนียมของพระราชาผู้เป็นพ่อ ที่ต้องการให้ตนเป็นเจ้าหญิงที่แสนงามอ่อนหวาน...เมื่อถึงจุดหนึ่ง เจ้าหญิงจอมพลัง ก็ได้หลบหนีออกจากปราสาท เพื่อไปทดสอบความสามาถของตนเอง ในวิถีทางแห่งการต่อสู้ในที่สุด
เจ้าหญิงอารีน่า และคนสนิทสองคน ราชครูบอร์ยา และบาทหลวงคิริว ได้ออกเดินทางไปในโลกกว้าง และไปเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ต่างๆมากมาย จนได้มีชื่อเสียงที่โด่งดังไปทั่ว
ทว่า เมื่อถึงคราวที่กลับไปยังบ้านเกิดอีกครั้ง เธอก็ได้พบกับความเป็นจริงอันน่าตะลึง ที่ว่าด้วย"นิมิต"ซึ่งพระราชาได้มองเห็นซ้ำไปซ้ำมา ถึงปีศาจร้ายจำนวนนับไม่ถ้วน ได้ยาตราทัพจากโลกปีศาจ มาทำลายล้างมวลมนุษย์ !!
...ด้วยความไม่สบายใจเหลือจะกล่าว พระบิดาได้อนุญาตให้เจ้าหญิงอารีน่าออกเดินทางเพื่อสืบค้นความเป็นจริงได้อย่างเสรี...และได้มีโอกาสที่จะเข้าร่วมการประลองยุทธครั้งใหญ่ เพื่อหาสุดยอดนักสู้จากทั่วดินแดน
อารีน่าชนะประลอง ผ่านเข้ารอบไปเรื่อยๆ จนเกือบจะถึงรอบสุดท้าย ที่ผู้คนต่างเฝ้ารอดูยอดฝีมือ "ปิซาโร่" (Psaro The Manslayer) ให้ออกมาแสดงเพลงดาบอันไม่เป็นรองใคร และความโหดเหี้ยมที่เกินจินตนาการ
ทว่า เมื่อถึงการประลองรอบชิงชนะเลิศ กลับไร้ร่องรอยของปิซาโร่ผู้เกรียงไกร...จนถึงที่สุด อารีน่าจึงได้คว้าตำแหน่งผู้ชนะ โดยที่ไม่ทันได้มีโอกาสเผชิญหน้ากัน
----------
เมื่อการประลองจบลงไปอย่างค้างคา ร่องรอยของเหล่ามอนสเตอร์ในละแวกใกล้เคียงก็กลับเบาบางลงอย่างผิดสังเกต...อารีน่าแบกความรู้สึกไม่สบายใจ กลับบ้านเกิด และได้พบกับเรื่องน่าประหลาดใจอย่างที่สุด...ทุกคนหายสาบสูญไปจนหมดสิ้น เหลือเพียงปราสาทที่ว่างเปล่าเท่านั้น!!
ทุกคนไปอยู่ที่ไหน? ทำไมเหล่าปีศาจถึงได้พลันหายหน้าไป? มีความเกี่ยวข้องกับชายยอดฝีมือผู้สาบสูญ นามปิซาโร่หรือไม่?...เจ้าหญิงอารีน่าเก็บสารพัดคำถามไว้ลึกๆ และออกเดินทางเพื่อค้นหาความจริงอย่างไม่รอช้า

Chapter 3
ณ ร้านอาวุธแห่งเมืองลาคานาบาร์ มีพ่อค้าอวบอ้วน ผู้มีความฝันใหญ่ยิ่งกว่าตัว นาม ทอร์เนโค ที่ตั้งเป้าจะเป็น "พ่อค้าผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก" ให้ได้ซักวัน
แต่ความฝันนั้น ดูจะแสนห่างไกล สำหรับตัวทอร์เนโค ที่เป็นเพียงลูกจ้างในร้านอาวุธเล็กๆ ในเมืองที่แสนเงียบเหงาเช่นนี้
เมื่อความเบื่อหน่ายถึงขีดสุด...ความทะเยอทะยาน ก็ผลักดันให้ทอร์เนโคได้ออกเดินทาง เพื่อทำความฝันให้เป็นจริง...แม้ร่างกายจะไม่เอื้อต่อการต่อสู้ แต่เขาทั้งบุกฝ่าถ้ำลึกเพื่อครอบครองไอเทมหายาก ต่อสู้เก็บข้าวเก็บของจากเหล่ามอนสเตอร์ แวะเวียนไปยังเมืองลึกลับ ร่วมมือปฏิบัติภารกิจจากพระราชา จนกระทั่งสามาถผลักดันให้การสร้างสะพาน ที่ทอดไปยังทวีปใหม่ได้สำเร็จดังหมาย
...โดยไม่รอช้า ทอร์เนโครีบร้อนมุ่งไปยังเมืองเป้าหมายของตน ที่ได้ตัดสินใจเลือกเป็นทำเลทองสำหรับร้านในฝัน...และได้ไปเกี่ยวข้องกับสารพัดธุรกิจทางราชวงศ์ ช่วยสะสางความขัดแย้งระหว่างสองอาณาจักรใหญ่ ให้ร่วมมือกันเตรียมรับมือราชานรก และก็ได้รับใบอนุญาตให้เปิดร้านขายของ พร้อมทำสัญญาค้าขายกับกองทัพในที่สุด !!
----------
ความฝันแต่หนหลังของทอร์เนโคและภรรยาสำเร็จอย่างสวยงาม กิจการของทอร์เนโคเติบโตมากขึ้น และทำรายได้อย่างมหาศาล...หากแต่ จุดหมายสูงสุดในการเป็น'พ่อค้าผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด' ยังอยู่อีกไกลนัก...
ข่าวการใกล้คืนชีพของราชานรกกำลังกระจายไปทั่วทุกมุมถนน พร้อมกับเรื่องเล่าของผู้กล้าที่จะมาปราบกลียุค และอาวุธสูงสุดจากฟากฟ้า นาม ดาบแห่งนภา(Zenithian sword) ที่ว่ากันว่า ทำได้แม้กระทั่งเปิดเส้นทางสู่สรวงสวรรค์
หากสามารถค้นหาสุดยอดแห่งศาสตราในตำนานนั้นได้ ไม่แน่ว่า ทอร์เนโคเอง ก็จะเข้าใกล้กับความเป็นสุดยอดแห่งพ่อค้ามากกว่าใครหน้าไหน...โดยไม่พูดให้มากความ ชายหนุ่มร่างอวบ จึงหอบความฝันยิ่งใหญ่ไว้เต็มอก บอกลาภรรยาสุดที่รัก และออกเดินทางไปยังทวีปใหม่โดยทันที

Chapter 4
ณ เมืองแห่งการร่ายรำและขับร้อง มอนฮาบาร่า มีพี่น้องสองสาวผู้งดงามนามว่า มายา นักเต้นรำ และมีนา นักพยากรณ์...แต่เบื้องหลังรอยยิ้มที่ดึงดูดคนทั่วไปนั้น กลับอัดแน่นไปด้วยความแค้นที่เต็มอกของทั้งสอง ที่มีต่อชายหนุ่ม บัลแซกต์ อดีตลูกศิษย์ของบิดาเจ้าหล่อน ผู้เป็นนักเล่นแร่แปรธาตุมากฝีมือ...
ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน เมื่อครั้งที่ผู้เป็นพ่อล้มเหลวในการทดลองเปลี่ยนวัตถุให้กลายเป็นทองคำนั้น...กลับได้ไปค้นพบขั้นตอนของศาสตร์ต้องห้ามแต่หนหลัง ที่ถูกเรียกขานว่า "เวทย์ลับแห่งวิวัฒนาการ" เข้าโดยบังเอิญ!!
บัลแซกต์สังหารอาจารย์ของตนอย่างเลือดเย็น และขโมยศาสตร์ต้องห้ามหายสาบสูญไป เหลือเพียงซากศพ และความอาฆาตที่ทิ้งไว้ในใจลูกสาวของผู้ตาย...สองพี่น้องใช้เวลาแสนนาน ค้นหาข่าวคราวของฆาตกร...แต่เมื่อถึงที่สุดแล้ว ความเร่งร้อนก็ผลักดันให้ทั้งสองออกจากคณะการแสดง ก้าวสู่โลกกว้างตามลำพัง เพื่อให้ภารกิจชำระแค้น สำเร็จโดยเร็วที่สุด
----------
หลังจากได้พบปะ และสมทบกับศิษย์เอกของบิดาตนแล้ว ทั้งสามก็ตามรอยไปจนได้เบาะแสสำคัญของบัลแซกต์ ที่ได้ทำพันธะสัญญากับโลกปีศาจ และรับพลังเวทย์อันยิ่งใหญ่มาครอบครอง พร้อมขึ้นเป็นผู้ปกครองเมืองด้วยความหวาดกลัว
หลังจากวางอุบายอย่างแยบคาย ทั้งสาม ก็สามารถลอบเข้าไปยังห้องลับที่แสนแน่นหนาในปราสาท และเผชิญหน้ากับบัลแซกต์ ศัตรูชั่วชีวิตได้ในที่สุด !
แม้บัลแซกต์จะได้ใช้เวทย์ลับแห่งวิวัฒนาการขั้นต้น จนกลายร่างเป็นอสูรน่าสะพรึงกลัว...แต่เมื่อถูกไอเทมในตำนาน ที่สองพี่น้องนำมาผนึกเวทย์มนตร์ทั้งปวงแล้ว ปีศาจร้ายก็หมดท่า และกำลังจะพ่ายแพ้ต่อเพลิงแค้นในเวลาไม่นาน
...แต่ก่อนที่จะได้ทันจบชีวิตฆาตกรลงนั้น ผู้ปกครองที่แท้จริง คิงเลโอ ก็ปรากฎกายขึ้น และจัดการผู้บุกรุกทั้งสามลงอย่างราบคาบ !...ชายหนุ่มศิษย์เอกแห่งนักแปรธาตุ ตัดสินใจสละชีวิตของตน ฝากความหวังไว้กับสายเลือดของอาจารย์ตน...และเข้าปกป้อง เปิดเส้นทางให้สองสาวหนีไปจากเงื้อมมือปีศาจได้เป็นผลสำเร็จ
มายาและมีนา หนีตายทั้งน้ำตา ขึ้นเรือข้ามทวีปไปอย่างบอบช้ำและคับแค้น ทิ้งบ้านเกิดและฆาตกรผู้สังหารบิดาไว้เบื้องหลัง...ก่อนที่จะตระหนักได้ว่า แสงแห่งความหวังของพวกตน ช่างริบหรี่เหลือเกิน...หากจะเอาชนะรากเหง้าแห่งความชั่วร้ายได้นั้น...พวกเธอจำเป็นจะต้องเสาะหาประกายอีกมาก ที่จะรวมกันเป็นแสงสว่างที่ยิ่งใหญ่เหนือเงามืดใดๆ...

*: Spin-off
จากการสร้างตัวละครหลักจำนวนมากถึง 8 คน(บวกอีกหนึ่ง สำหรับผู้กล้าที่สามารถเลือกเพศได้) ทำให้เหล่านักรบจากภาค4นี้ ถูกหยิบยกไปใช้ในภายหลังอีกมากมาย...บางคนกลายเป็นหนังสือการ์ตูน อย่าง ดรากอน เควสต์ ภาคผู้กล้าอารีน่า (ลิขสิทธิ์ไทย สำนักพิมพ์วิบูลย์กิจ ทั้งชุด 5 เล่มจบ) ที่เป็นการ์ตูนผจญภัย ลายเส้นออกแนวการ์ตูนผู้หญิง ว่าด้วยการเดินทางของเจ้าหญิงจอมพลัง ที่แตกยอดไปจากเนื้อหาหลักในเกมส์ / พ่อค้าทอร์เนโค ทาลูน ที่โด่งดังมากพอจะสร้างซีรีย์เกมส์ของตัวเองได้ และอีกสารพัดตัวละคร ที่กลายเป็นแขกรับเชิญต่างกรรม ต่างวาระในภาคต่างๆ

Chapter 5
1. ในหมู่บ้านเล็กๆอันแสนสงบสุข ที่ซ่อนเร้นอยู่กลางขุนเขา...ที่แห่งนี้ เป็นสถานที่ฟูมฟักเด็กน้อยผู้มีชะตากรรมอันยิ่งใหญ่ ที่แบกรับชื่อของ "ผู้กล้า" ที่จะนำสันติสุขกลับคืนมา ในยามที่โลกตกอยู่ในกลียุค
วันหนึ่ง ก่อนที่ผู้ใดจะทันรู้สึกตัว กองทัพมอนสเตอร์ขนาดใหญ่ ก็ได้ค้นพบสถานที่แห่งนี้ และบุกเข้ามาทำลายล้างทุกอย่างจนหมดสิ้น...ผู้คนในหมู่บ้าน ล้มตายไปทีละคน ภายในเวลาไม่นาน
เอลิซ่า เพื่อนสาวคนสนิท เชื่อมั่นในชะตากรรมอันยิ่งใหญ่ ที่ตัวผู้กล้าแบกรับไว้ แม้เจ้าตัวเองจะยังไม่ทราบ...และตัดสินใจ ขังผู้กล้าไว้ในห้องเก็บของใต้ดิน ก่อนที่จะใช้คาถาแปลงกาย ออกไปเผชิญหน้ากองทัพปีศาจด้วยตัวคนเดียว ในรูปลักษณ์ของ"ผู้กล้า" เป้าหมายเพียงหนึ่งเดียวของพวกมัน !
ผ่านไปไม่กี่อึดใจ ความอึกทึกภายนอกก็พลันเงียบหายไป...ผู้กล้าที่ถูกขังอยู่ พยายามเงี่ยหูฟังอย่างเต็มที่ ก่อนที่จะได้ยินเสียงโห่ร้องของเหล่าปีศาจ และคำพูดสั้นๆเป็นประโยคสุดท้ายว่า..
..."กำจัดผู้กล้าสำเร็จแล้ว ท่านปิซาโร่"...
ท่ามกลางเศษซากปรักหักพัง และร่างไร้ชีวิตของเพื่อนร่วมหมู่บ้าน...ผู้กล้าแบกร่างที่อ่อนล้าและโศกเศร้า ระหกระเหินจากหมู่บ้านเป็นครั้งแรก เพื่อไล่ตามเบาะแสเพียงหนึ่งเดียวที่ตนมี...นักเดินทางที่หลบเร้นเข้ามาถึงหมู่บ้านลับ...ผู้นำของกองทัพปีศาจ...ปิซาโร่
ชายหนุ่มออกท่องโลกกว้างเพียงลำพัง โดยไม่ทันได้รู้สึกตัวว่า โชคชะตา กำลังชักนำเหล่านักรบที่ถูกเลือกให้มารวมตัวกัน โดยมีเขาเป็นศูนย์กลาง !

2. ผู้กล้าได้พบเจอกับสาวน้อยนักพยากรณ์ มีนา โดยบังเอิญ ซึ่งสามารถมองเห็นถึงชาติกำเนิดที่แท้จริงของเขา และกล่าวออกมาอย่างยินดีว่า ตัวเธอได้พบแสงสว่างที่จะปัดเป่าเงามืดแล้ว...
เจ้าหล่อนพาชายหนุ่มไปพบกับพี่สาว นักเต้นรำชื่อดังนาม มายา ที่กำลังสนุกสนานกับการเก็บสะสมเงินในคาสิโน ก่อนจะออกท่องโลก
หลังจากได้ช่วยจัดการปีศาจที่เข้ายึดครองหอประภาคารได้สำเร็จ...พ่อค้าผู้ร่ำรวย ทอร์เนโค ที่กำลังตามหาอาวุธในตำนาน พร้อมกับหนีตายจากเหล่าปีศาจที่ตามราวี จึงยินดีอย่างยิ่ง ที่จะให้ผู้กล้าได้ออกเรือไปด้วยกัน
เมื่อได้ร่วมค้นหาสมุนไพรหายากกับเจ้าหญิงอารีน่า เพื่อมารักษาบาทหลวงคนสนิทที่ป่วยหนักแล้ว...ก็ได้รู้ว่า ต่างฝ่ายต่างกำลังไล่ตามหาชายหนุ่มลึกลับ นามปิซาโร่เช่นเดียวกัน...กลุ่มของอาลีน่าจึงขันอาสา ขอเข้าร่วมกับผู้กล้าทันที
ที่สุดของที่สุด...นักรบคนสุดท้าย แรกนาร์ ที่ออกตามหาผู้กล้าหนุ่มไปทั่วดินแดนตั้งแต่แรกเริ่ม ก็ถูกชักนำภายใต้โชคชะตา ให้มาพบกับคณะผู้กล้า...และทำให้ "เหล่านักรบที่ถูกเลือก" ทั้ง 8 คนตามคำทำนาย มารวมตัวกันครบสมบูรณ์แล้ว !!

*: System
ดรากอน เควสต์ 4 (Chapters of the Chosen) ใช้รูปแบบการเดินเรื่องแบบแบ่งบทย่อย บรรยายชีวิตของเหล่าตัวละครหลักที่มาจากคนละมุมของโลก แต่มีเหตุการณ์สำคัญให้ต้องออกเดินทาง ก่อนจะมาผูกทุกเรื่องราวรวมกันที่ตัวผู้กล้า...ซึ่งนับเป็นจุดเด่นที่สุดของภาคนี้ ที่จะค่อยๆปูพื้นระบบของเกมส์ให้ละเอียดมากขึ้นตามลำดับ ทั้งระบบการต่อสู้ การมีเพื่อนร่วมทาง ใช้เวทย์มนตร์  ทำเควส จัดปาร์ตี้ในรถม้า จนเมื่อไปถึงบทหลักของผู้กล้านั่นทีเดียว ที่ถือได้ว่า เนื้อหาที่แท้จริงของ DQ4 เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น !!
ระบบเก่าแก่อย่างสารพัดกุญแจไขประตู และระบบกลางวัน-กลางคืน ก็ยังคงอยู่...พร้อมกับเปิดตัวระบบใหม่อย่าง การเซฟเกมส์ได้ตามโบสถ์ การสะสมเหรียญเล็กไว้แลกของรางวัล มินิเกมส์อบายมุข ที่กลายมาเป็นคาสิโนให้เล่นพนันอย่างเป็นเรื่องเป็นราว รวมไปถึงระบบการรับสมาชิกชั่วคราวเข้ามาในปาร์ตี้ (โดยที่ไม่สามารถควบคุมคำสั่งได้)นั้น ก็ถูกยกมาใช้ตลอดทั้งภาค
 
3. กลุ่มผู้กล้า ร่วมแรงต่อสู้ จนเอาชนะบัลแซคและคิงเลโอจนสำเร็จ และได้ใช้ไม้เท้าแปลงร่าง ลักลอบเข้าไปถึงปราสาทแห่งมอนสเตอร์ จนได้พบเจอกับปิซาโร่ ผู้นำแห่งเหล่าปิศาจเป็นครั้งแรก
การประชุมตึงเครียดของเหล่าอสูรจากใต้พิภพ ถูกขัดจังหวะด้วยข่าวใหญ่โต ว่าด้วยเอสตาร์ค นายเหนือหัว กำลังจะถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาแล้ว...ด้วยฝีมือของเหล่ามนุษย์ คนงานขุดเหมืองที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ !
คณะผู้กล้า เร่งรุดไปยังที่ผนึกของเอสตาร์คอย่างรวดเร็ว...ด้วยความที่ถูกจองจำมานานปี และร่างกายที่ไม่สมบูรณ์เช่นแต่ก่อน...เอสตาร์คที่เพิ่งลืมตาตื่น ก็ถูกสังหารลงไป ใต้คมดาบของผู้กล้านั่นเอง !!
ปิซาโร่ที่ตามทีหลัง ตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก และรู้โดยทันทีว่า ฝ่ายตรงข้าม จะต้องเป็นผู้กล้าตามตำนาน ที่ถูกส่งมาเป็นปรปักษ์กับพวกตนเป็นแน่แท้...แต่ก่อนที่จะได้เข้าเล่นงานผู้กล้าที่กำลังบอบช้ำ ปิซาโร่ก็ได้รับแจ้งข่าวร้าย ที่สำคัญมากพอให้เขาวางมือจากเรื่องราวทั้งหมดโดยไปทันที
4. คนรักของปิซาโร่ นามโรซารี่ เป็นเอลฟ์สาวที่มีความสามารถพิเศษ ทำให้น้ำตาที่หลั่งออกมาของเธอเปลี่ยนเป็นอัญมณีล้ำค่าได้ ดังนั้นจึงมีผู้คนมากมาย มุ่งมั่นข่มเหงทำร้ายให้เธอเสียน้ำตาอยู่เสมอ
แม้จะพยายามปกป้องคนรักมากแค่ไหน แต่สาวน้อยก็ไม่เคยอยู่อย่างเป็นสุข...โรซารี่ได้ถูกมนุษย์ชั่วลักพาตัวไป...กว่าปิซาโร่จะตามไปพบนั้น ทุกอย่างก็สายไปเสียแล้ว โรซารี่ถูกทุบตีจนบอบช้ำ และกำลังจะจบชีวิตลง
โรซารี่ขอร้องเป็นครั้งสุดท้าย ให้ชายหนุ่มอภัยมนุษย์ผู้โง่เขลา ก่อนที่จะสิ้นใจลง...แต่ปิซาโร่ไม่ได้ยินสิ่งใดแล้ว ความโกรธเกรี้ยวผลักดันให้เขาใช้เวทย์ลับแห่งวิวัฒนาการที่เฝ้าศึกษามานาน เปลี่ยนร่างตัวเองเป็นสุดยอดสิ่งมีชีวิตทันที !!

*: Characterization
จะมองว่าเป็นข้อดีหรือข้อเสียก็ตาม...แต่เอกลักษณ์อย่างหนึ่งที่ซีรีย์ดราก้อน เควสต์ยึดถือมาตลอดจนถึงปัจจุบันก็คือ รูปแบบการนำเสนอในลักษณะ"เติมคำในช่องว่าง" ที่จะเหลือพื้นที่ของเนื้อหา ให้ถูกเติมเต็มด้วยจินตนาการของตัวผู้เล่นเองเสมอ
ดังนั้นแล้ว แม้จะเป็นภาคใหม่ หรือภาครีเมคในยุคที่กราฟฟิคสมจริงกำลังเฟื่องฟูเช่นนี้...ฉากเหตุการณ์สำคัญ ปูมหลัง ความลับสูงสุด หรือกระทั่งเนื้อหาหลักของเกมส์ ก็ยังจะถูกนำเสนอในรูปแบบของ "เรื่องเล่า" และ "บทสนทนา" เป็นตัวอักษรแบบละเอียดยิบอยู่  ในสัดส่วนที่มากกว่าการใช้กราฟฟิคหวือหวา...ซึ่งหลายครั้ง ที่มันสามารถดึงจินตนาการและอารมณ์ร่วมของคนเล่น ได้ดีกว่าการฉายฉากอีเวนท์เสียอีก! (นี่เป็นเหตุผลสำคัญว่า เหตุใดจึงควรที่จะใส่ใจกับส่วน "Text" ของดราก้อนเควสต์ มากเป็นอันดับหนึ่ง และไม่สมควรที่จะเล่น โดยปล่อยปละในส่วน"เนื้อหา"ของมัน)
ทั้งนี้ รูปแบบการเติมคำในช่องว่างดังกล่าว ก็ยังถูกใช้ในการสร้างบุคลิกของ"ตัวละครหลัก" ตั้งแต่ภาคแรกจนถึงภาคล่าสุด ให้เป็นผู้เดินเรื่องราวที่ "ไม่มีบทสนทนาใดๆ" ถูกถ่ายทอดออกมาเลย นอกจากการตอบ Yes และ No
ตรรกะที่สร้างตัวเอกที่เป็นใบ้ ไม่มีท่อนบรรยายบุคลิกภาพ หรือบทสนทนาที่จะสะท้อนความเป็นเจตบุคคลใดๆออกมาเลยนั้น...เพื่อจุดประสงค์หลักในการให้ผู้เล่นสามารถ"สวมบทบาท" ใส่ความเป็นตัวเองเข้าไปในการเดินเรื่องได้อย่างสมจริงที่สุดนั่นเอง
----------
แน่นอนว่า รูปแบบการนำเสนอที่ให้ความสำคัญกับบทบรรยาย และช่องว่างไว้ถมที่ของตัวละครเช่นนี้ หากมองอีกมุม ก็จะกลายเป็นข้อจำกัดที่ยิ่งใหญ่ตลอดกาลของซีรีย์ ว่าด้วยการที่"ตัวละครไร้สเน่ห์ และขาดเอกลักษณ์" ตามมา...ดังเช่นในดราก้อน เควสต์ 4 นี้ ที่แม้จะมีตัวละครหลักหลากรูปแบบ หลายที่มา มากถึง 8 คน...แต่กลับไม่มีใครที่จะถ่ายทอดเอกลักษณ์ของตัวเองให้โดดเด่นเป็นที่จดจำได้เลย...ภายในเวลาไม่นาน ผู้เล่นก็จะผ่านตากับตัวละคร และก็ผ่านไป แทบไม่เหลือติดไว้ในความทรงจำ
...ดังนั้นแล้ว ตัวละครฝ่ายคู่อริ ที่มีฉากเหตุการณ์ และบทสนทนามากมาย มาคอยสะท้อนถึงบุคลิก มุมมอง หรือกระทั่งปมโศกเศร้าในใจ อย่าง ปิซาโร่ จึงกลายมาเป็นคนที่โดดเด่นมากที่สุดในเรื่องเสียแทน
หน้าที่ชูโรง และดึงคะแนนด้านสเน่ห์ตัวละครจากสายตาของผู้เล่น จึงตกเป็นของปีศาจหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนนี้อย่างเลี่ยงไม่ได้...อาจบอกว่า เด่นเสียยิ่งกว่าคณะเดินทางของผู้กล้าทั้งหมดเสียอีก!

5. ผู้กล้าได้ออกเดินทางท่องโลก และค้นหาเซตอุปกรณ์แห่งนภา (Zenithian equipments) ทั้งหมดได้จนครบ ทั้งชุดเกราะ หมวก โล่ห์ และดาบแห่งนภา...และใช้มันเปิดทางไปสู่ปราสาทแห่งนภา เพื่อเข้าพบผู้ปกครองสูงสุด มาสเตอร์ดราก้อน (Zenith Dragon) ที่เคยผนึกสุดยอดสิ่งมีชีวิตเอสตาร์คเมื่อครั้งอดีต
แต่น่าเสียดายที่ปิซาโร่นั้น ครอบครองพลังที่สมบูรณ์กว่าเอสตาร์คมากนัก มาสเตอร์ดราก้อนต้องยอมรับว่า ผู้เดียวที่จะสามารถต่อกรกับอสูรร้ายได้...ก็คือนักรบตามคำทำนาย ที่สืบเชื้อสายครึ่งหนึ่งมาจากสาวชาวนภา และอีกครึ่ง มาจากหนุ่มคนตัดไม้ชาวโลก...ผู้กล้าของเรานั่นเอง !!
สายเลือดศักดิ์สิทธิ์ของชาวนภา กับปาฎิหาริย์แห่งความมุ่งมั่นของชาวโลก รวมกันอยู่ในตัวชายหนุ่ม...มังกรเทพได้ปลุกพลังแฝงของผู้กล้าและเซตอุปกรณ์นภา ก่อนจะส่งคณะเดินทางลงไปยังดินแดนใต้พิภพ Nadiria ทันที
6. ทั้งหมดได้บุกไปยังวิหารทั้งสี่ทิศ เพื่อจะกำจัดสี่ขุนพล ลูกน้องคนสนิทของปิซาโร่ จนสามารถปลดบาเรียที่ขึงป้องกันที่พำนักของปิซาโร่เอาไว้
ทว่า เมื่อถึงคราวที่ขุนพลคนสุดท้าย นักบวชปีศาจอามอน (Aamon) กำลังจะพ่ายแพ้ลงไปนั้น...พวกผู้กล้าก็ได้พบกับความจริงว่า นักบวชปีศาจจอมเจ้าเล่ห์นี่เอง ที่อยู่เบื้องหลังแผนการสังหารคนรักของปิซาโร่...เพียงเพื่อผลักดันให้ชายหนุ่มคลุ้มคลั่ง และตัวเองจะได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำสูงสุดของกองทัพปีศาจเสียแทน!!
น่าเสียดาย ที่ทุกสิ่งทุกอย่างสายเกินแก้เสียแล้ว ปิซาโร่กำลังพัฒนาร่างกายอย่างไม่หยุดยั้ง และไม่อยู่ในสภาพที่จะรับฟังสิ่งใดได้อีกต่อไป...เหล่านักรบที่ถูกชักนำ และผู้กล้าแห่งนภา จำต้องปะทะกับปิซาโร่ในร่างสุดยอดสิ่งมีชีวิต...ก่อนจะคว้าชัยชนะมาได้ในท้ายที่สุด !

7. มาสเตอร์ดรากอน บินมาช่วยพาผู้กล้ากลับไปยังปราสาทนภา และกล่าวสรรเสริญในวีรกรรมของนักรบทั้ง 8 ที่สามารถนำสันติสุขกลับคืนสู่โลกได้สำเร็จ
ผู้กล้าสายเลือดแห่งนภาปฎิเสธคำเชิญชวน ไม่อาศัยอยู่ต่อที่โลกเบื้องบน แต่ได้ตามมาส่งพลพรรค ให้กลับไปยังบ้านเกิดของตัวเองทีละคน พร้อมกับพกพาความภาคภูมิใจกลับไปด้วย
ท้ายที่สุด ชายหนุ่มก็ได้กลับมายังบ้านเกิดกลางขุนเขาอีกครั้ง...และราวกับปาฎิหาริย์ พลันเกิดเป็นแสงสว่างวาบขึ้นกลางหมู่บ้าน...เอลิซ่า เพื่อนสาวคนสนิทผู้ล่วงลับ ได้ฟื้นกลับคืนมามีชีวิตอีกครั้ง ท่ามกลางทุ่งดอกไม้ที่เบ่งบาน !!
...และการเดินทางอันแสนยาวนาน ก็มาถึงบทสรุปด้วยรอยยิ้มในที่สุด...
~ Dragon Quest IV ~
~ Fin ~

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น