logoของเว็บครับ

วันเสาร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

Dragon Quest Reminiscence part II

~ Part II ~

1. ภายหลังจากทายาทแห่งโรโตะ ได้กำจัดราชามังกร และออกเดินทางร่วมกับเจ้าหญิงลอร่าแล้ว เวลาแห่งความสงบสุข ก็ได้ผ่านพ้นไปถึง 100 ปี...สายเลือดของโรโตะ ก็ถูกส่งผ่านมาอย่างต่อเนื่อง ผ่านทางสามอาณาจักรใหญ่ โลเรเซีย ซามัลโทเรีย และมูนบรู๊ค
ทว่า สันติสุขที่แสนยาวนาน กลับต้องพลันสะบั้นลงในชั่วข้ามคืน เมื่อนักบวชปีศาจฮาก้อน ได้ปรากฎกายขึ้น พร้อมกับยาตราทัพมอนสเตอร์จากโลกปีศาจ เข้าบุกโจมตีเมืองมูนบรู๊คจนล่มสลายไปในพริบตา พระราชาถูกสังหาร แม้แต่เจ้าหญิงแห่งมูนบรู๊ค หนึ่งในผู้สืบสายเลือดโรโตะ ก็ยังถูกสาปเป็นสุนัข หายสาบสูญไปในทุ่งกว้าง !!
ข่าวอันน่าพรั่นพรึงของกองทัพฮากอน ได้มาถึงเมืองโลเรเซีย...ผู้กล้าของเรา เจ้าชายแห่งโลเรเซีย ได้รับมอบหมายจากพระบิดา ให้เร่งรุด ออกเดินทางไปสมทบกับทายาทแห่งโรโตะอีกสองคน เพื่อผนึกกำลังกัน ปราบนักบวชปีศาจให้จงได้ !!

*: Party
ดรากอน เควสต์ สอง "Patheon of Evil Gods" นี้ เป็นพัฒนาอีกก้าวจากภาคแรก นอกเหนือจากกราฟฟิคที่มีความละเอียดระดับเดียวกับภาคหนึ่งเวอร์ชันอเมริกาแล้ว ระบบต่อสู้ ก็ถูกพัฒนาขึ้นเป็นระบบปาร์ตี้ ที่ฝ่ายเรามีสมาชิกถึงสามคน เลือกการโจมตีได้สามคำสั่งในเทิร์นเดียว และฝ่ายศัตรูเอง ก็มีการรวมกลุ่มกัน ให้เราเลือกโจมตี...จุดนี้เป็นเพราะ ทางอินิกซ์เห็นว่า การปูทางจากภาคก่อน ทำให้ผู้เล่นมีความคุ้นเคยกับตัวเกมส์ RPG ในระดับนึงแล้ว ก็พร้อมที่จะเพิ่มความสมจริงเข้าไปอีกขั้น
แต่ข้อจำกัดที่ตามมา ก็เนื่องด้วยจำนวนศัตรูที่เพิ่มขึ้นเต็มจอ จึงต้องตัดฉากวินโดว์ แสดงพื้นหลังของฉากต่อสู้ทิ้งไป และใช้การถมเป็นพื้นดำแทน...อีกทั้งการเลือกโจมตีในแต่ละครั้ง ทำได้เพียงเลือก "กลุ่มศัตรู" กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเท่านั้น เช่น เราไม่สามารถจำเพาะได้ว่า ต้องการโจมตีสไลม์ตัวกลาง แต่ตัวละครจะทำการแรนด้อมเลือกโจมตีให้เราเองเป็นต้น (และมักทำให้เราขัดใจเสมอ) ซึ่งจุดด้อยนี้ กลับถูกนำไปใช้ต่อเนื่องไปอีกหลายปี โดยไม่ฟังเสียงทัดทานของแฟนๆอย่างน่าประหลาด
และต้องไม่ลืมว่า ในเวอร์ชันดั้งเดิม ตัวเกมส์จะไม่มีระบบ "เปลี่ยนเป้าหมายการโจมตี" แบบอัตโนมัติให้กับเรา ...นั่นหมายความว่า ใส่คำสั่งไปครบแล้ว...หากเพื่อนของเราปราบศัตรูตัวหนึ่งๆไปก่อนถึงเทิร์นเรา...ตัวเราก็จะยังคงตั้งหน้าตั้งตา โจมตีตำแหน่งเดิม ส่งผลให้ฟันวืด เสียเทิร์นไปเปล่าๆปลี้ๆ...ความบื้อของฮีโร่นี้ คาดว่าระบาดถึงกันได้ เพราะแม้กระทั่งในสมัยไฟนอล แฟนตาซีภาคแรกออกจำหน่าย ก็ยังพบเห็นปัญหาแบบเดียวกัน

2. ใช้เวลาไม่นานนัก ผู้กล้าแห่งลอราเซียของเรา ก็ตามตัวพระญาติ เจ้าชายแห่งซามัลโทเรียพบ และร่วมเดินทางไปด้วยกัน...ทว่า เมื่อไปถึงเมืองมูนบรู๊ค ก็กลับพบว่า ปราสาทที่เคยรุ่งเรือง ก็พังทลายด้วยน้ำมือของปีศาจจนสิ้นซาก เหลือเพียงดวงวิญญาณของพระราชา และทหารที่ยังคับแค้นใจต่ออำนาจมืดเพียงเท่านั้น...
เคราะห์ดี ที่ผู้กล้าของเรา สามารถไปตามหาไอเทมในตำนาน (ที่ภาคหลังๆถูกนำมาใช้อีกหลายตลบ) "กระจกแห่งรา" มาถอนคำสาปเจ้าหญิงแห่งมูนบรู๊ค ให้กลายร่างจากสุนัขกลับมาสู่ร่างเดิม...และทำให้ ทีมสามสายเลือดแห่งผู้กล้าโรโตะ ได้รวมตัวกันครบแล้ว !
ปัญหาสำคัญคือ นักบวชปีศาจฮาก้อน ได้ร่ายคาถาภาพลวงตาอันสุดหยั่ง ปกคลุมวิหารปีศาจของตัวเองไว้ ไม่ให้ผู้ใดเข้าถึงตัวได้โดยง่าย....เหล่าผู้กล้าจึงต้องออกเดินทาง เพื่อค้นหาวิธีที่จะขจัดภาพมายาอันทรงพลังเหล่านั้นให้ได้เสียก่อน
การเดินทางในโลกกว้าง จึงได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง...

*: Nostalgic World
โลกทัศน์ในดรากอน เควสต์ 2 นี้ จะกว้างใหญ่ขึ้นมากกว่าภาคที่ผ่านมาร่วมสี่เท่า และมีเหตุการณ์น่าจดจำ  รวมถึงพาหนะที่ช่วยในการเดินทางที่หลากหลายขึ้น ทำให้ไม่ต้องลำบาก เดินเท้าเทียวไปเทียวมาอีกต่อไป
ดรีมทีมสายเลือดโรโตะ ได้ค้นหาผ้าคลุมสายลม และใช้มันร่อนข้ามหอคอยคู่ ไปยังทวีปอีกฟากของช่องแคบ...ได้ช่วยเหลือเด็กผู้หญิงจากการถูกมอนสเตอร์ทำร้าย จนได้รับเรือใบมาใช้ในการเดินทางสู่โลกกว้างได้สำเร็จ
เรือลำเล็ก ได้เดินทางล่องไปยังทวีปต่างๆ จนได้มาเหยียบยังดินแดนอเลฟการ์ดอันแสนคุ้นเคย...บ้านเกิดของเจ้าหญิงลอร่าแห่งลาดาตอม และบรรพบุรุษสายเลือดโรโตะ ผู้ปราบราชามังกรนั่นเอง!
------------------------ 
3. ถึงแม้สเกลของดินแดนอเลฟการ์ดจะถูกย่อส่วนลงจากภาคแรก แต่ผู้เล่นก็จะยังจำได้ดี กับสภาพภูมิประเทศที่คุ้นตา และสถานที่สำคัญหลายๆแห่ง ที่ผ่านเวลาล่วงมากว่าหนึ่งศตวรรษ
เหล่าผู้กล้าได้เดินทางไปยังปราสาทราชามังกร และได้เผชิญหน้ากับทายาทแห่งราชามังกร ผู้ไม่มีความคิดที่จะรุกรานเผ่าพันธุ์อื่นใด และได้ฝากฝังภารกิจปราบนักบวชปีศาจให้กับสายเลือดโรโตะ โดยการมอบข้อมูลสำคัญที่สุด...สปอยล์เนื้อหาหลักดรากอน เควสต์สองแบบไม่มีชิ้นดีว่า
" การจะเข้าถึงตัวนักบวชปีศาจฮากอนได้นั้น จำเป็นต้องได้รับการคุ้มครองจากวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ รูบิส ผู้ปกปักษ์ผืนพิภพ...เพื่อการนั้น พวกเจ้าต้องรวบรวมสัญลักษณ์ทั้งห้า และใช้มันปลุกเรียกวิญญาณแห่งรูบิสเสียก่อน !! "

4. กล่าวร่ำลาคุณเหลนราชามังกรเสร็จสรรพ เหล่าผู้กล้าก็ออกเดินทางต่อโดยไม่รอช้า และได้ค้นพบไอเทมสำคัญ "ขลุ่ยเสียงสะท้อน" จากภารกิจกู้สมบัติใต้ท้องทะเล ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญ ในการค้นหาสัญลักษณ์ทั้งห้าที่กระจายอยู่ทั่วโลก
ขลุ่ยเสียงสะท้อน เป็นไอเทมศักดิ์สิทธิ์ ที่จะเปล่งเสียงกังวาน สอดรับกับสัญลักษณ์ทั้งห้า...เมื่อผู้กล้าเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเมือง ปราสาท คุกใต้ดิน หอคอยร้าง วิหารโบราณ เกาะโดดเดี่ยว และอื่นๆ...หากเป็นสถานที่ที่มีสัญลักษณ์ซุกซ่อนอยู่ เมื่อลองเป่าขลุ่ยนี้แล้ว จะมี "เสียงสะท้อน" ก้องตอบกลับมา เป็นสัญญาณบอกว่า เป้าหมายอยู่ไม่ไกลแล้วนั่นเอง !!
ภารกิจตามล่าตราสัญลักษณ์แห่งดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดารา วารี และชีวิต ก็ดำเนินต่อไป...หลังจากการเดินทางต่อสู้อย่างยากลำบาก...ทั้งการฝ่าดงศัตรู เขาวงกต หอคอยสูง ลานประลอง และอื่นๆ...เหล่าผู้กล้าได้ใช้กุญแจเงิน กุญแจทอง เปิดไขเส้นทางลับมากมาย จนได้รับหินแสงจันทร์ ที่สามารถดึงระดับน้ำทะเลให้ขึ้นสูง แล่นเรือฝ่าดงปะการัง เข้าไปยังถ้ำลับกลางท้องทะเล เพื่อค้นหาเทวรูปปีศาจ....และนำมันมาเปิดปากทางลับกลางขุนเขา เข้าไปรับตราสัญลักษณ์ชิ้นสุดท้ายได้สำเร็จ !
เมื่อนำตราทั้งห้าไปยังวิหารแห่งรูบิส วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ก็ถูกปลุกขึ้นมาในที่สุด...เทพรูบิสรับรู้เรื่องราวโดยตลอด พร้อมกับกล่าวถึง "คำสัญญา" ที่ตนเคยให้ไว้กับผู้กล้าโรโตะในอดีตกาล และมอบ "ตราแห่งรูบิส" ไว้ขจัดเวทย์ลวงตาของนักบวชปีศาจ พร้อมกับอวยชัยให้กับเหล่าผู้กล้า ได้รับชัยชนะในการต่อสู้ครั้งสุดท้ายที่กำลังจะมาถึง...
---------------------------------- 
*: Past 
อะฮ่า ! เทพรูบิส กับผู้กล้าโรโตะออริจินอล...ดูจะมี something wrong และคำสัญญาบางอย่างกันอยู่ !...รายละเอียดเหล่านั้น ตัวเกมส์ในภาคหลัง จะมีการขยายความอีกเล็กน้อย...แต่หากต้องการรับรู้เรื่องราวแบบ inside ที่จับเอาความสัมพันธ์ในเรื่องเล่าเหล่านั้น มาแตกหน่อเป็นเอกเทศ ต้องอ่าน ดรากอน เควสต์ ภาครูบิส (ลิขสิทธิ์ไทย สนพ.วิบูลย์กิจ ทั้งชุด 7 เล่มจบ) ครับ
เนื้อหาว่าด้วยพระเจ้าผู้สร้างโลก และเผ่าพันธ์เทพต่างๆ...รวมไปถึงรูบิส หญิงสาวแห่งตระกูลธาตุไฟ กับโรโตะ หนุ่มลูกครึ่งตระกูลธาตุดินกับมนุษย์ธรรมดา...แม้ลายเส้นจะออกแนวการ์ตูนผู้หญิง แต่เรื่องราวความรักที่ทั้งหวานซึ้งและน้ำเน่า การพลัดพราก การช่วงชิง และการปะทะกันของเหล่าทวยเทพ ก็ถือเป็นไซด์สตอร์รี่ที่น่าประทับใจ และแฟนๆควรหามาอ่านอีกเรื่องเลยทีเดียว
 
----------------------------------
5. เหลือขั้นตอนเตรียมการอีกไม่มาก ก่อนการปะทะกันจะมาถึง...ทีมทรีโอ ได้ตระเตรียมอุปกรณ์ในตำนานทั้งหลายอย่างพร้อมสรรพ ทั้งชุดเกราะแห่งโรโตะ (เวอร์ชันฟูลคอร์ส ทั้งดาบ โล่ห์ หมวก เกราะ และสัญลักษณ์สายเลือด !) เสื้อคลุมนางฟ้า (ที่ถักทอจากเครื่องทอเวทย์ กับด้ายหยาดฝน โดยช่างทอผ้ายอดฝีมือ) และดาบสายฟ้า (ที่เรียกขานเวทย์ศักดิ์สิทธิ์จากฟากฟ้าได้ดังต้องการ) ฯลฯ
ทั้งสามมุ่งสู่วิหารแห่งจอมปีศาจ และใช้ตราแห่งรูบิส ขจัดภาพลวงตาให้มลายหายไป ก่อนจะบุกทะลวง เข้าถึงตัวนักบวชปีศาจชนิดไม่ทันตั้งตัว และกำจัดฮากอนได้เป็นผลสำเร็จ !!!
ฮากอนตกตะลึงในความแข็งแกร่งของสายเลือดในตำนานเป็นอย่างมาก แต่ก่อนจะสิ้นลม แผนการลับสุดท้ายของนักบวชปีศาจก็เสร็จสิ้นลงพอดิบพอดี...เทพเจ้าแห่งการทำลายล้าง ชิโด้ ได้ถูกปลุกขึ้นมาจากโลกปีศาจเป็นที่เรียบร้อย ! ผู้กล้าแห่งโรโตะ เตรียมรับมือการต่อสู้ครั้งสุดท้ายทันที !!
 
*: Finale
ชิโด้ถูกปราบลงในที่สุด สันติสุขกลับคืนสู่ผืนดิน...ผู้กล้าทั้งสามได้เดินทางกลับบ้านเกิด และได้รับเสียงโห่ร้อง แสดงความยินดีตลอดเส้นทาง ทั้งชาวเมือง ทหาร ราชา เทพเจ้ารูบิส และราชามังกร...ไม่มีผู้ใดไม่ปลาบปลื้ม ไปกับพลังความดีงามอันยิ่งใหญ่ ของสามผู้สืบทอดสายเลือดแห่งผู้กล้าโรโตะ
...และแล้ว การผจญภัยอันยาวนานก็สิ้นสุดลง เจ้าชายแห่งโรเลเซีย ได้ขึ้นรับตำแหน่งพระราชาคนใหม่ และพระญาติ เจ้าชายแห่งซามัลโทเรีย และเจ้าหญิงแห่งมูนบรู๊ค ก็กลับไปยังแผ่นดินเกิด ปกครองบ้านเมืองด้วยความสันติสุขสืบไป
~ Dragon Quest II ~
~ Fin ~

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น